Spread the love

สายพันธุ์เบี๊ยดดราก้อน มีอะไรบ้าง?

สายพันธุ์เบี๊ยดดราก้อน มีอะไรบ้าง

ในปัจจุบันการเลี้ยงสัตว์ exotic ประเภทสัตว์เลื้อยคลานกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก โดยมีสายพันธุ์หนึ่งที่มีความแปลกใหม่และน่าสนใจ นั่นก็คือ เบี๊ยดดราก้อน หรือ มังกรเครา (Bearded Dragon) โดยเราจะมาพูดถึงว่าพวกเขาคือสัตว์อะไร หรือสายพันธุ์เบี๊ยดดราก้อน มีอะไรบ้าง? 

พวกเขาคือสัตว์อะไร

เบี๊ยดดราก้อน คือ กิ้งก่าชนิดหนึ่งที่มีถิ่นกำเนิดในออสเตรเลีย เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสัตว์ exotic ประเภทเลื้อยคลาน เนื่องจากพวกเขาค่อนข้างง่ายต่อการดูแลและมีลักษณะที่เชื่องกับเจ้าของ ไม่ดุร้าย หรือกัด โดยชื่อของพวกเขานั้นมีที่มาจาก “เครา” ที่มีหนามซึ่งอยู่ใต้คาง และยังสามารถพองตัวได้เมื่อถูกคุกคามหรือระหว่างการผสมพันธุ์กับตัวเมีย พวกเขาเป็นสัตว์กินพืชทุกชนิด รวมทั้งแมลง ผลไม้ และผัก นอกจากนี้สามารถอยู่ได้นานถึง 15 ปีในกรงขัง และเติบโตได้ยาวกว่าสองฟุตอีกด้วย

สายพันธุ์เบี๊ยดดราก้อน มีอะไรบ้าง?

พวกเขาเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีรูปร่างที่น่าสนใจ และเหมาะสำหรับผู้เลี้ยงที่ไม่มีเวลาดูแลอย่างมาก สีและขนาดของตัวจะแตกต่างกันไปตามแต่ละสายพันธุ์ โดยสายพันธุ์เบี๊ยดราก้อนที่นิยมเลี้ยงกัน มี 3 พันธุ์ดังนี้

Pogona vitticeps (Inland bearded dragon)

เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด พวกเขามีสามารถในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี ลำตัวตามธรรมชาติคือสีน้ำตาลสลับกับลายสีครีมเข้ม มีลำตัวขนาดกลาง ความยาวประมาณ 16-24 นิ้ว และน้ำหนักประมาณ 300-500 กรัม เมื่อได้รับการดูแลและเลี้ยงอย่างเหมาะสมสามารถใช้ชีวิตได้มากกว่า 10 ปี

Inland bearded dragon

Pogona henrylawsoni (Western bearded dragon)

ลักษณะเด่นคือมีสีสันสวยงามและมีขนาดเล็กกว่า Pogona vitticeps ลำตัวยาวประมาณ 10-12 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 250-400 กรัม โดยตัวผู้จะใหญ่กว่าตัวเมียเล็กน้อย พวกเขาลำตัวสีน้ำตาลอมเทา มีแถบสีเข้มพาดหลังและหาง ส่วนโคนหางด้านล่างมักจะสีอ่อนกว่าเล็กน้อย

Western bearded dragon

Pogona minor (Dwarf bearded dragon)

มีขนาดเล็กกว่าเบี๊ยดดราก้อนสายพันธุ์อื่นๆ และนิยมเลี้ยงในบ้านได้เช่นกัน ลักษณะเด่นคือใบหูยาวและแหลม ลำตัวเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีเทา โดยมีขนาดประมาณ 8-10 นิ้ว และมีน้ำหนักประมาณ 70-100 กรัม โดยการเคลื่อนไหวของพวกเขาจะช้ากว่าสายพันธุ์อื่นๆ

Dwarf bearded dragon ตัวเล็กที่สุด

เบี๊ยดดราก้อน กินอะไร

พวกเขาเป็นสัตว์ที่กินผัก ผลไม้ และแมลงเป็นอาหาร แต่โดยเฉลี่ยแล้วเราควรให้โปรตีนจากแมลงมากกว่าพีชเป็นอาหาร แมลงที่พวกเขาสามารถกินได้มี แมลงสาบดูเบีย หนอนนก และจิ้งหรีดชนิดต่างๆ ทั้งนี้การให้แมลงเป็นอาหารควรระวังเรื่องปรสิตและแบคทีเรียที่อาจจะก่อโรคด้วย ส่วนพืชที่สามารถกินได้มี ผักบุ้งจีน ผักกาดขาว ผักบุ้งจีนเหลือง ผักกาดแก้ว ผักกาดหอม ฟักทอง และมะละกอ

ทำไมเบี๊ยดดราก้อน ท้องอืด

สาเหตุว่าทำไมเบี๊ยดดราก้อนท้องอืดอาจจะเกิดได้จากหลายปัจจัยได้แก่

  1. อาหารที่ให้มากเกินไปและมีชิ้นใหญ่
  2. ให้อาหารในช่วงที่สภาพอากาศไม่เหมาะสม (น้องๆ ต้องอาศัยความร้อนจากภายนอกช่วยในการย่อยอาหาร)
  3. อาหารย่อยยาก เช่น แมลงที่กินมีกากเยอะ (ปัญหานี้ส่วนใหญ่เกิดกับตัวเล็กๆ ที่พึ่งฟักออกจากไข่ เนื่องจากระบบการย่อยเพิ่งเริ่มทำงาน ประสิทธิภาพการย่อยยังไม่ดีพอ)

จากสาเหตุข้างต้นทำให้เขาไม่สามารถย่อยอาหารได้หมด ทำให้อาหารเหลือค้างในช่องท้องและเน่าจนเกิดเป็นแก๊สขึ้น ทำให้ท้องอืด โดยจะแสดงอาการท้องพองเพราะมีลมอยู่ในท้อง ไม่ขับถ่าย หรือพยายามขับถ่ายแต่ถ่ายไม่ออก นอนนิ่งๆ เป็นเวลานานๆ บางตัวถ้าอาการหนักจะมีอาการขาเหยียดเกร็ง กระดูสันหลังและหางคดผิดรูป เนื่องจากอาหารไปกดเบียดเส้นประสาท และเบื้องต้นผู้เลี้ยงสามารถบรรเทาอาการท้องอืดได้ดังนี้

  1. งดให้อาหารทุกชนิดจนกว่าจะขับถ่ายออกมา
  2. นำตัวที่ท้องอืดแช่ในน้ำอุ่นเพื่อกระตุ้นการขับถ่าย และอาจใช้มือเราช่วยนวดคลึงเบาๆ บริเวณท้องเพื่อกระตุ้นการถ่าย
  3. กกไฟ UVA และ UVB ในกรงเพื่อให้ความร้อนช่วยในการย่อย
แก้ท้องอืด เบี๊ยดดราก้อน

วิธีเลี้ยงเบี๊ยดดราก้อนเบื้องต้น

วิธีเลี้ยงเบี๊ยดดราก้อน (Bearded Dragon) นั้นจะต้องให้ความสำคัญกับการเตรียมพร้อมก่อนที่จะนำมาเลี้ยง เพราะพวกเขาต้องการพื้นที่กว้างขวางและมีความอบอุ่นในกรงที่เพียงพอ โดยสามารถศึกษาขั้นตอนการเลี้ยงเบื้องต้นได้ดังนี้

  1. สร้างพื้นให้เหมาะสม กรงที่ใช้เลี้ยงควรเป็นกรงสำหรับเลี้ยงสัตว์เลื้อยคลาน ห้องที่เลี้ยงควรมีอากาศถ่ายเท มีแสงแดดอ่อนๆ และไม่ร้อนจนเกินไป กรงต้องมีพื้นที่กว้างขวางเพียงพอสำหรับให้เคลื่อนไหวและในกรงควรจะมีขอนไม้เพื่อใช้สำหรับเกาะ รวมถึงควรรองทรายไว้ข้างใต้กรงเพื่อให้พวกเขาขับถ่าย
  2. ใช้ไฟ UVA และ UVB หลอดไฟเหล่านี้สามารถทดแทนแสงสว่างในธรรมชาติได้ หลอดไฟควรจะติดไว้ที่มุมของกรง ไม่ควรจะติดต่ำกรงมากเกินไป และระยะเวลาการเปิดไฟ UVB ควรเปิดวันละอย่างน้อย 6 ชม. การเปิดไฟ UVA ความร้อน ควรเปิดในช่วงการให้อาหารวันละประมาณ 3 ชม. หรือ มากกว่าในวันที่มีอากาศหนาวหรือฝนตก
  3. การจัดเตรียมอาหาร พวกเขาต้องการอาหารที่มีประโยชน์และคุณภาพ เช่น แมลง และผักใบเขียว อาหารควรเป็นอาหารสดและไม่ต้องเตรียมไว้ล่วงหน้าเกินไป
  4. การสังเกตสุขภาพ ควรเช็คสุขภาพของเขาอย่างสม่ำเสมอโดยการตรวจสอบผิว การกินอาหาร การขับถ่าย การเคลื่อนไหว และอาการป่วยอื่นๆ การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้สามารถระบุอาการป่วยได้เร็ว และสามารถรักษาได้อย่างทันเวลา
  5. การให้น้ำ ให้น้ำสะอาดและใหม่อยู่เสมอ ให้ในช่วงเช้าหรือเย็น เพื่อป้องกันการดื่มน้ำในช่วงที่อุณหภูมิสูงจนเกินไปและส่งผลต่อสุขภาพของเขา
  6. การดูแลที่อยู่อาศัย ควรทำความสะอาดกรงเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง การทำความสะอาดนี้ช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคและสิ่งสกปรกที่อยู่ตรงพื้น

สามารถอ่านบทความเกี่ยวกับกิ้งก่าได้ที่

เบี๊ยดดราก้อน ราคาเท่าไร?

ราคาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ รวมถึงอายุ ขนาด และสีของสัตว์เลื้อยคลาน โดยเฉลี่ยแล้ว Bearded Dragon จะมีราคาตั้งแต่ 1,000-10,000 บาทขึ้นไป โดยราคาจะสูงกว่าสำหรับสีหายากหรือรูปแบบพิเศษ

เบี๊ยดดราก้อนป่วย สังเกตุยังไง

1. ง่วงบ่อย หากพวกเขาใช้เวลานอนหลับมากกว่าปกติ หรือดูเหมือนไม่มีแรง นี่อาจเป็นสัญญาณว่าไม่สบาย
2. เบื่ออาหาร ความอยากอาหารลดลงหรือไม่กินเลยเป็นสัญญาณทั่วไปว่ามีบางอย่างผิดปกติ
3. น้ำหนักลด หากน้ำหนักลดหรือดูผอมลง แสดงว่ามีปัญหาสุขภาพ
4. พฤติกรรมผิดปกติ ถ้ามีพฤติกรรมผิดปกติ เช่น ไม่นอนอาบแดดหรือซ่อนตัวมากกว่าปกติ นี่อาจเป็นสัญญาณว่าไม่สบาย
5. ท้องเสีย อุจจาระเหลวหรือท้องเสียอาจเป็นสัญญาณของปัญหาการย่อยอาหารหรือปัญหาสุขภาพอื่นๆ
6. การหายใจผิดปกติ ถ้าหายใจแรง หายใจหอบ หรือส่งเสียงหวีด นั่นอาจบ่งบอกถึงปัญหาระบบทางเดินหายใจ
สิ่งสำคัญคือต้องจับตาดูพฤติกรรมและรูปลักษณ์ของ Bearded Dragon เพื่อระบุปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นตั้งแต่เนิ่นๆ หากคุณสังเกตเห็นสัญญาณเหล่านี้หรือความผิดปกติอื่นๆ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด


Spread the love

Similar Posts